13 กุมภาพันธ์ 2560

--บทความ-- Scientology กับเชฟที่หายไป

ขอเซ็นเซอร์รูปนิดนึงเพราะผมไม่อยากโดนฟ้อง
                     South Park นั้นขึ้นชื่อลือชาให้การแซะเสียดสีชาวบ้านแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะศาสนา ซึ่งเคยเกิดความไม่พอใจต่อศาสนิกหลายมานักต่อนัก (Matt และ Trey เคยโดนมุสลิมหัวรุนแรงขู่ฆ่าเพราะเอานบีมะหะหมัดมาแสดงในep.201แต่ตรงนี้จะคุยกันอีกที)ซึ่งในบทความนี้จะมาพูดถึงep.Trapped in the Closet ที่ล้อเลียนลัทธิ Scientology และเป็นจุดที่เป็นชนวนให้  Isaac Hayes ผู้ให้เสียง "เชฟ" ในเซาธ์ พาร์ก ต้องลาออกจากการพากย์ในเรื่องนี้ไปกันครับ

ปุ่มข้างล่างคือสปอยเรื่องย่อถ้ายังไม่ได้ดูกรุณาอย่าอ่านครับ


                         หลังจากที่ep.นี้ฉายไปแล้วในเดือนพฤษจิกายน 2005 ต่อมาเดือนมีนาคม 2006 Isaac Hayes ผู้ให้เสียง "เชฟ" ในประกาศลาออกเนื่องด้วยเหตุผลว่า 



"There is a place in this world for satire, but there is a time when satire ends and intolerance and bigotry towards religious beliefs of others begins. Religious beliefs are sacred to people, and at all times should be respected and honored. As a civil rights activist of the past 40 years, I cannot support a show that disrespects those beliefs and practices."
"การเสียดสีนั้นมันมีที่ให้มันอยู่ แต่เมื่อการเสียดสีจบลงความดันทุรังและไม่ประนีประนอมต่อความเชื่อคนอื่นมันเพิ่งเริ่ม สำหรับความเชื่อนั้นศักดิ์สิทธิ์ต่อผู็คนมากมาย และสมควรให้ความเคารพและให้เกียรติ์ด้วย ในฐานะแอคทิวิสต์ด้านสิทธิมา 40 กว่าปี ผมคงสนับสนุนโชว์ที่ไม่เคารพความเชื่อเหล่านั้นต่อไปไม่ได้"

ถีงไม่มีการกล่าวถึงไซแอนโทโลจี้โดยตรง แต่ในบทสัมภาษณ์อื่น Hayes กล่าวอีกว่า

 "Guys, you have it all wrong. We're not like that. I know that's your thing, but get your information correct, because somebody might believe that shit, you know? But I understand what they're doing. I told them to take a couple of Scientology courses, and understand what we do. [Laughs]."
"พวกนายนั้น(Matt&Trey)เข้าใจเราผิดกันหมด เราไม่ใช่แบบนั้น ผมรู้นั่นคือเรื่องของพวกคุณ(เรื่องการแซะ) แต่การหาข้อมูลควรทำให้ถูกต้อง เพราะบางทีใครๆก็คงจะเชื่อเรื่องบ้าๆนั่นซะหมดนะรู้มั้ย? ผมเข้าใจว่าพวกเค้ากำลังทำอะไร ผมเคยบอกให้ไปเข้าคอร์สซักรอบสองรอบด้วยซ้ำ ให้เข้าใจว่าจริงๆพวกเราทำอะไรมั่ง. (หัวเราะ) "
ทางด้าน Matt&Trey ก็ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการลาออกของ Hayes ว่า

  "This is 100 percent having to do with his faith of Scientology... He has no problem—and he's cashed plenty of checks—with our show making fun of Christians."
 "นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อในไซแอนโทโลจี้ของเค้าอ่ะนะ....เค้าไม่เคยมีปัญหา และเขาก็ทำเงินไปตั้งเยอะ ตอนที่เราทำโชว์ล้อพวกคริสเตียน "
-Matt Stone
 "In 10 years and over 150 episodes of South Park, Isaac never had a problem with the show making fun of Christians, Muslims, Mormons and Jews. He got a sudden case of religious sensitivity when it was his religion featured on the show. To bring the civil rights struggle into this is just a non sequitur. Of course we will release Isaac from his contract and we wish him well."
"ตลอด 10 ปีและกว่า 150 ตอนของ เซาธ์ พาร์ก ไอแซคก็ไม่เคยีปัญหากับการที่โชว์ไปล้อพวกคริสเตียน มุสลิม มอร์มอน หรือยิวเลย เค้าดันอ่อนไหวกับประเด็นศาสนาตอนที่ศาสนาตัวเองโดนเท่านั้นแหละ และการอ้างเรื่องการรณรงค์สิทธิพลเมืองอะไรนั่นมันไม่เกี่ยวกันเลย แน่นอนว่าเราคงไม่รั้งเค้าไว้และทำได้แค่อวยพรให้เค้าโชคดี"
- Trey Parker ("Isaac quits Park over joke". New York Post. N.Y.P. Holdings, Inc. 2006-03-14.)


แต่ต่อมามีรายงานจากทาง FOX news ว่า Isacc Hayes อาจจะลาออกเนื่องด้วยเหตุผลอื่นเช่นการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง (ในตอนแรกมีการปฏิเสธจากทางโฆษกส่วนตัว แต่ภายหลังตัว Hayes เองได้ยอมรับถึงข่าวนี้ว่าตนป่วยจริง ) และทาง Matt Stone ก็เชื่อว่านั่นอาจเป็นเหตุผลจริงๆก็ได้

                 

              อย่างไรก็ตาม เราคงไม่มีวันรู้จริงๆว่าสาเหตุที่ Isacc Hayes ลาออกจาการพากย์ South Park นั่นคืออะไรกันแน่ (เพราตัว Hayes เสียชีวิตแล้วเมื่อ 10 สิงหาคม 2008 โดยแพทย์ชันสูตรลงบันทึกว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นมาจากโรคหลอดเลือดสมอง) แต่ผลงานที่ฝากไว้ใน South Park ยังคงจดจำให้กับแฟนๆหลายคน



แถม : ใน EP. The Return of Chef นั้นได้ใช้เสียงจากepเก่าๆมาตัดต่อใหม่ เนื่องจากเนื้อหาทั้งหมดเป็นสิทธิทาง South Park Studio จึงสามารถนำเสียงมาใช้ได้

bye,have a nice day.
John Smith

11 กุมภาพันธ์ 2560

กาลครั้งหนึ่ง" The Stick of Truth "ก็เคยเจอโรคเลื่อนมาแล้ว

         
             
Crab Person เกือบได้มีบทบาทมากกว่าที่ทราบกันแล้ว

            
            จากเมื่อวันที่ 9 (ตามเวลาสหรัฐ) Ubisoftsuck ได้ประกาศเลื่อนเวลาวางจำหน่ายเกม South Park: The Fractured But Whole (TFBW) ไปยังปีงบประมาณ 2018 (Fiscal Year /FY 18) หลังจากที่ประกาศเลื่อนจากวันที่ 6 ธันวาคม ปีที่แล้ว มายังช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้แฟนๆหลายคนที่ตั้งตารอและได้พรี-ออเดอร์เกมไปแล้ว (เช่นผมเอง) รู้สึกเสียค่าโง่ดายที่ต้องรอคอยไปอีกอย่างน้อย 2 เดือน (หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ปีหน้า) แต่ถึงกระนั้น เกมprequel ของ TFBW นั่นคือ   South Park: The Stick of Truth (SOT) ก็เคยเจออุปสรรคถึงขั้นเลื่อนมาเหมือนกัน

นี่น่าจะเป็นภาพโปรโมตเกมภาพแรกๆเลย สังเกตว่าตัวละครบางตัวถูกแก้ไม่ก็ถูกตัดออกในช่วงจำหน่ยโดย Ubisoft

               โดยการพัฒนาเกม SOT เริ่มตั้งแต่ปี 2009 ที่ทาง Obsidian Entertainment ได้รับโทรศัพท์จากทาง South Park ในเรื่องการพัฒนาเกม (แต่ทางObsidian นึกว่าเป็นการโทรแกล้งกันซะงั้น) และกว่าจะหา Publisher ให้เกมนี้ก็ปี 2011 ที่ค่าย THQ ประกาศร่วมมือกับ South Park  Digital Studio ในการวางขายตัวเกมโดยตอนแรกใช้ชื่อว่า "South Park: The Game (SP:TG)" ในเดือนมีนาคม ปี 2012 Microsoft   ยกเลิกโปรเจกต์เกมของ Obsidian ที่ชื่อว่า "North Carolina" ทำให้ทางObsidian ต้องปลดพนักงานออกบางส่วน รวมถึงสมาชิกทีมที่พัฒนา SP:TG ด้วย

ภาพโปรโมตเกม The stick of truth โดย THQ

                 พฤษภาคม 2012 มีข่าวลือ ว่าชื่อเกมอย่างเป็นทางการของเกม SP:TG ได้หลุดออกมา นั่นคือชื่อเกมในปัจจุบันนั่นเอง แต่ในเดือนธันวาคม 2012 THQ ที่เป็น Publisher ของเกม SOT ที่จะวางขายได้ยื่นคำขอล้มละลาย ทำให้ต้องขายสิทธ์ในเกมและบริษัทลูกต่างๆแก่บริษัทอื่นๆ (ตัวอย่างเช่นRelic Entertainment ผู้สร้างซีรี่ยเกม Company of Heroes, Warhammer 40,000, Homewolrd  ถูกขายให้ กับทาง SEGA  ) ส่วนสิทธิ์จัดจำหน่ายเกม SOT นั้นถูกขายให้กับทาง Ubisoft ซึ่งทาง Ubisoft ได้เลื่อนการจำหน่ายจากตารางเดิมของ THQ ที่วางแผนขายในวันที่ 5 มีนา 2013 มาเป็นเป็น "ภายในปี 2013"  (จริงๆการขายสิทธิ์จัดจำหน่ายของTHQ ทำให้เกิดปัญหาระหว่างทาง THQ กับ South Park Studio อยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายทางศาลอนุญาติให้ THQ สามารถขายสิทธิ์ได้) และเดือนสิงหาคม 2013 Ubisoft วางแผนที่จะจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคม 2013
             

ฉากนี้นับเป็นหนึ่งในสถานที่มีรูปโปรโมตที่ถูกตัดออกในเกม

             ถึงอย่างไรก็ตาม ตัวเกมโดนโรคเลื่อนอีกครั้งหลังจากมีการประกาศขายในช่วงธันวาคม 2013 โดยการวางจำหน่ายถูกเลื่อนไปอีกจนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2014 ซื่งเป็นวันจำหน่ายเกมนี้อย่างเป็นทางการ(จริงๆซะที)

ปล.ที่มาของแหล่งข่าวแนบไว้ในตัวบทความ หากต้องการขยายผลต่อสามารถคลิ้กข้อความที่เป็นสีๆได้เลย

สำหรับ TFBW ควรเตรียมใจเผื่อไว้ก็ดีนะครับ
(Ubisuck คงไม่บังเอิญถังแตกอีกนะ อิอิ)
-----------------------------------
bye, have a nice day!
John Smith

10 กุมภาพันธ์ 2560

South Park: The Fractured But Whole เลื่อนไปถึงปีงบประมาณ 2018

โดยวันที่ 9 กุมภาพันธ์ (ตามเวลาที่สหรัฐอเมริกา) เว็บไซต์ Ubiblog ได้ประกาศเลื่อนเวลาวางขายเกม South Park: The Fractured But Whole หลังจากที่มีกำหนดวางขายช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ โดยทางเว็บได้ประกาศว่าเกมจะวางขายในทุกแพลตฟอร์มในช่วงปีงบประมาณ (Fiscal Year) 2018 ซึ่งหมายความว่า เกมจะออกวางขายในช่วงเดือนเมษายน 2017 ถึง มีนาคม 2018 บล็อกจะติดตามความคืบหน้าต่อไป
------
John Smith

08 กุมภาพันธ์ 2560

วิแคระห์ Tweek x Criag เน้น TWEEK และ CRAIG เท่านั้น

โอเค นี่เป็นบทความแรกนะครับ ทำไมต้องผมต้องมาวิเคราะห์เรื่องนี้ก่อน เหตุผลคือ

  1. เจาะกลุ่มวาย เพราะคนดูหลายคนดั๊นเป็นสายจิ้น ฮา
  2. personal best Ship ever :v
  3. ประเด็นทางอารมณ์ของคนที่เป็น LGBTQ ในเรื่องนี้ทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษ (บอกตรงๆว่าทำให้ผมร้องให้ไปในตอนแรกที่ดู ep นี้เลย)
      และผมจะไม่พูดถึง subplot ของคาร์ทแมน/คิวปิด มี หรือ สแตน&แรนดี้ เพราะผมจะเน้นแค่ตัว    ทวีคและเครก กับครอบครัวของพวกเขาแค่นี้ฮะ

เปิดเรื่องว่าด้วยครูใหญ่ พีซี. ได้ให้เวนดี้ที่เป็นปธ.นักเรียน เปิดการแนะนำเกี่ยวกับงานศิลปะของนักเรียนเอเชียนอเมริกัน (และเลสลี่ย์ มึงช่วยหุบหูรูดที่ปากด้วย)  หลังจากที่เวนดี้นำเสนอ ปฏิกิริยาของคู่จิ้นนั้นก็คือ ว๊อท!!!!!ว๊อทดาฟัค?
โอเค หลังจากการpresentation แล้ว เครกรีบถามบรรดานักเรียนหญิงเอเชียเกี่ยวกับภาพYaoi ของเขากะทวีคด้วยอารมณ์ที่ดูไม่พอใจ 
แต่กลับกัน ทวีคเข้ามาและพูดว่า 
"Everyone thinks I'm gay! What if my parents find out! Huh! "
" ใครๆก็คิดว่าชั้นเป็นเกย์! แล้วถ้าพ่อแม่ชั้นรู้เข้าล่ะ ห๊ะ! "  
ถ้าสมมติว่าบทสนทนาข้างต้นนี้ไม่ใช่ทวีค การที่กลัวว่าพ่อแม่จะรู้เรื่องข่าวลือว่าตัวเองเป็นเกย์นั้น โดยส่วนตัว(ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ)มักจะเกิดกับคนที่ "in the closet" (คือจะแอบรสนิยมไว้ และนี่ก็เป็นมุกที่เคยล้อทอม ครูซในep. scientology ด้วย) โดยถ้าเป็นชายแท้ทั่วไป คงจะแก้ปัญหาด้วยการปัดทันควัน (แต่ก็ยังแย้งได้ว่า เฮ้! ทวีคเป็นพวกหวาดระแวง ไม่แปลกที่จะกลัว - ใจเย็นก่อนครับ! นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเอง :v
ต่อไปคือฉากที่ครูใหญ่พีซีเรียกทั้งคู่เพื่อคุยเรื่อง  affirmative consent (การยินยอมในความสัมพันธ์ : จะคุยในเรื่องPolitical Correctnessนี้กันทีหลัง) โดยเมื่อครูใหญ่ถามว่า


PC Principal:
" What's wrong with being gay? Nothin' wrong with that."
Craig: 
 "But we aren't! I'm not!"
Tweek: 
" I'm not either!"
   ผมสงสัยว่าทำไมทวีคต้องตอบทีหลังเครก จะเป็นเพราะปฏิกิริยาตอบสนองช้าหรือเกิดอาการ      "ร้อนตัว" เลยต้องปฏิเสธอีกทีเพื่อย้ำว่าไม่ได้เป็น (เป็นอาการย้ำการปฏิเสธเพื่อให้คนที่ตั้งข้อสงสัย ไม่สงสัยเพราะได้ย้ำการปฏิเสธอีกทีแล้ว อนึ่ง ในวงเล็บนี่เขียนจากประสบการณ์การโกหกคนอื่นของผม  ไม่มีหลักทางจิตวิทยายืนยัน แนะนำว่าอย่าเชื่อถือ 100%
  แต่สิ่งที่จะเห็นเด่นชัดที่สุดนั้นคือการเผชิญหน้ากับ struggle ของทั้งคู่
ไม่ว่าจะเป็น persona struggle (ปัญหาภายในจิตใจ) ,family struggle (ปัญหาจากครอบครัว) และ  sexual struggle (ปัญหาเรื่องความสำนึกในเพศ) เหมือนกับกรณีของ แกริสัน ที่ต้องเผชิญหน้ามาก่อนในซีซั่นเก่าๆ
โดยทวีคมี persona struggle คือความหวาดกลัวและไม่มั่นใจในตัวเอง เมื่อตอนที่เครกขอให้เขาจัดฉาก "การเลิกคบกัน" ทวีคไม่มั่นใจว่าจะทำได้และพยายามบ่ายเบี่ยง แต่เมื่อเครกให้กำลังใจเช่นในบทสนทนานี้
Craig: We have to come out and say we're gay.
Tweek: What?! Are you insane?! The way everyone-!
Craig: Wait. Wait! Because if we're gay, we can break up. And if we break up, no more pictures! We just have to stage a fake breakup in front of the Asian girls.
Tweek: Like acting? No man, that is way too much pressure! I'll fail-
Craig: You can do it, Tweek! You're capable of more than you think.
Tweek: Agh. I'm a terrible actor.
Craig: You just follow my lead, and try and make it believable, okay?
Tweek: Oh gah-okay. Oh God! 
ทวีคไม่มั่นใจว่าแผนของเครกมันจะเวิร์ค แต่เมื่อเครกทั้งให้กำลังใจและขอแค่ทำตามที่ตัวเครกจะนำให้ ผลออกมาคือ 
ทวีคแสดงสมจริงเอามากๆยิ่งกว่าลีโอนาร์โด ดิคาร์ปิโอฟัดกับหมีในหนัง The Revenant ซะอีก (ฮา) โดยการสร้างมือที่สาม (ปลอม) หลอกว่าเครกนอกใจและกลับแสดงนำเครกแทนเสียอีก การที่เครกพังกำแพงความไม่มั่นใจในตัวเองของทวีคนั้นทำให้ช่วยทวีคชนะ persona struggle ของตัวทวีคได้


 ด้านfamily struggle ของทวีคนั้น เมื่อพ่อแม่เขาสังเกตว่าลูกชายจอมสั่น "สั่น" กว่าเดิม ประกอบกับข่าวเรื่องลูกไปคบกับผู้ชาย ริชาร์ดจึงเริ่มหยอดคำถามว่า "มีอะไรจะบอกพวกเขามั้ย" ทวีคปฏิเสธ แต่เมื่อริชาร์ดบอกว่าเขารู้แล้วว่าทวีคเป็นเกย์ ปฏิกิริยาแรกของทวีคคือ....เอาหน้าทิ่มในจานข้าว....(ความรู้สึกอับอาย หวาดกลัวว่าอาจโดนขับจากบ้าน ถ้าใครชอบเล่นReddit ห้อง r/gay จะมีกระทู้ประเภทถามว่าควรเปิดตัวกับพ่อแม่มั้ยเยอะมากกกกกก และคำตอบส่วนใหญ่ก็คืคือ ถ้าจขกท.นั้นมีรายได้เลี้ยงตัวที่พอยืนด้วยตัวเองแล้ว ในกรณีที่โดนขับจากบ้านเพราะเปิดตัวจะช่วยไม่ให้ลำบาก เเสดงว่าโอกาศที่การโดนขับจากบ้านเพราะเป็น LGBTQ ในอเมริกานั้นยังสูงพอดู) แต่เมื่อริชาร์ดยืนยันว่ายังภูมิใจและรักลูกเหมือนเดิม(แถมให้เงินแล้วด้วย) family struggle ของทวีคก็จบลง ส่วน sexual struggle ของทวีคก็จะเก็บไว้ก่อนสักพักครับ

      
 ส่วนของเครกนั้นเชื่อมโยงทั้งสามส่วนทั้ง persona struggle family struggle และ sexual struggle ที่ว่าโทมัส พ่อของเครกต้องการปั้นให้เขาเป็น "bad boy" โดยการสอนชูนิ้วกลางไม่เลือกหน้าไม่เลือกชนชั้น (ep.Tweek vs. Craig ครอบครัวนี้เคยชูนิ้วกันแบบ Mexican Standoff กันมาแล้ว เหมือนเป็นเรื่องปกติของบ้านนี้ ถ้าเป็นแม่ไคล์คงไปตั้งสมาคมต่อต้านการชูนิ้วอีกแน่ๆ) และตอนที่ครูใหญ่พีซีโทรหาเพราะเครกทะเลาะกับทวีค โทมัสยิ้มเมื่อรู้ว่าลูกชายมีเรื่อง จนเมื่อครูใหญ่เอ่ยปากว่าเเค่เรื่องคนรักทะเลาะกัน โทมัสหัวเสีย  เมื่อเครกและทวีค(จัดฉาก)เลิกกัน โทมัสยิ้มดีใจเมื่อเห็นหน้าลูกชาย(แต่หลังจากที่เห็นเครกไม่แฮปปี้ โทมัสก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยแฮปปี้ตาม) สำหรับpoint of view ของเครก การที่เขาถูกเลี้ยงมาโดยอาจ(ย้ำว่าอาจ) ได้บินโทมัสบ่นหรือใช้micro aggression (การเหยียดทางอ้อม เช่นการใช้มุกตุ๊ดกระเทยเกย์ของหนังผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่ง ที่ทำให้ LGBTQ มีภาพลักษณ์ในเชิงตลกขบขันเฮฮา เป็นการยัดค่านิยม micro aggression ต่อ LGBTQ รูปแบบนึง) อาจทำให้เครกรู้สึกผิดต่อรสนิยมภายในที่มีทำให้ปฏิเสธและปกปิดและพยายามทำตัวให่เป็นชายแท้และBad Boy (นี่ยิ่งทำให้นึกถึงแกริสันที่แรกๆปฏิเสธรสนิยมรักร่วมเพศของตัวเองและเคยทำตัวเป็นชายแท้โดยการ(เกือบ?) มีเซ็กซ์กับแม่คาร์ทแมน (ep.Cartman mom is dirty slut)) ทำให้เครกเผชิญปัญหา struggle ทั้งสามตามที่กล่าว
เมื่อทวีคไปหาเครกที่บ้าน ทวีคขอให้กลับไปคบกันอีก เพราะมีแค่เครกที่ทำให้ตัวทวีคเอง "เชื่อมั่นในตัวเอง"  และเขาก็อยากแก้สิ่งที่ทำให้ตัวเครกเอง "เจ็บ" อยู่ตอนนี้ (สังเกตในช่วงนี้ว่า 1.ทวีคไม่มีอาการสั่นหรือหวาดระแวงเหมือนแทบทุกครั้ง  2.หลังทวีคพูดจบ โทมัสที่กำลังแอบดูทั้งคู่นั้นร้องให้และเสียงร้องให้นั้นชวนอนุมานได้ว่า ทั้งเครกและทวีคต่างคงได้ยินแน่ๆ และเมื่อโทมัสร้องให้ สีหน้าเครกเปลี่ยนไปเห็นได้ชัด)
เครกได้ตอบกลับทวีคไปว่า


"I can't be something because everyone wants me to be. I have to be myself. You'll just have to go be gay with someone else."
"ชั้นไม่อยากเป็นเพราะทุกๆคนอยากให้เป็น ชั้นอยากเป็นตัวของตัวเอง นายก็ไปเกย์กับคนอื่นแทนดิ"
(ประโยคนี้น่าสนใจตรงที่"คนอื่นอยากให้เป็น" ตีความได้2อย่างคือ
1.ถ้าคิดตรงไปตรงมาแต่แรกเลย เครกไม่อยากให้ใครๆชี้ว่าเขาเป็นเกย์ แต่จะทนรับในสิ่งที่ไม่ได้ยอมรับด้วยตัวเองก็ไม่ได้
2. ถ้าจากแนวคิด 3 struggle ที่อธิบายมาก่อน เครกไม่อยากเป็นลูกในฝันของพ่อ แต่จะขัดใจไปก็ไม่ได้..หรือบางทีอาจถูกทั้งคู่..)

หลังเครกพูดจบทวีคได้แค่เศร้าและพูดว่า "ก็ได้ เครก ก็ได้"
(ตรงนี้สังเกตว่าทวีคไม่โต้ตอบประเด็นเรื่อง" go to be gay with someone else. " เหมือนแรกๆ นั่นอาจแปลว่าเขายอมรับตัวตนของเขาที่ปกปิด หวาดกลัว และปัดมาตลอด เขาชนะ sexual struggle แล้ว
เมื่อโทมัสต้องเผชิญการปะทะความคิดระหว่าง ภาพลูกชายที่เขาต้องการให้เป็น กับ ลูกชายที่เป็นในสิ่งที่ยุคของเขานั้นไม่เคยยอมรับ ไม่ว่าเขาจะคิดได้เพราะตัวเขายอมรับความจริงหรือเพราะ คิวปิด มี หรือเรื่องที่เขาเข้าใจว่าเป็น "Rape of Don King " ของแรนดี้ ตอนนี้เขารู้ว่าควรต้องปล่อยลูกเขาให้เป็นอิสระ ปล่อยให้เขามีความสุข ปล่อยให้เขาเป็นในสิ่งที่อยากเป็น และภูมิใจในสิ่งที่เครกเป็นไม่ว่าอะไร เมื่อเครกรู้ว่าพ่อเขานั้นยอมรับในสิ่งทีเขาเป็นเสมอมา อย่างน้อยสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากพอเขาได้ทำลาย struggle ทั้งหมดที่มีลง 
เขากลับเลือกกลับไปหาทวีค และทั้งคู่มีความสุขที่อยู่ด้วยกัน

แถม: 


ในep pc principal final justice ทั้งคู่เดินจูงมือกันโดยไม่ค่อยมีคนแถวนั้นสนใจแล้ว

และในซีซั่น 20  ep.Wieners Out บัตเตอรเรียกทั้งคู่ว่า "เกย์" และทั้งคู่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร และอยู่ด้วยกันตลอดทั้งตอน (ทั้งคู่ถอดกางเกงคู่กันด้วย :D แต่ผมเอาลงที่นี่เต็มๆไม่ได้ครับ)
ในcommentary ของซีซั่น19 โดย Matt&Trey ผู้สร้างเซาธ์ พาร์ก ทั้งคู่ภูมิใจที่ได้มี "คู่เกย์" อยู่ในโชว์ของพวกเขา



Creek is real. Creek is canon. Love prevail!
-------
Bye,have a nice day!
John Smith.



06 กุมภาพันธ์ 2560

ทดสอบและทักทาย

             


            สวัสดีครับทุกๆคน ผม แอดjohn  (John Smith) ได้ตั้งแฟนเพจและบล็อกเซาธ์ พาร์กในไทยขึ้นอีกเพจ   จากที่ตอนนี้มีแอคทีฟกันจริงๆน้อยมาก (และก็จากที่มีเพจแนวนี้น้อยอยู่ด้วยสิ ถถถ) โดยผมตั้งเพจนี้เพื่อวิเคราะห์ ถกเถียง พูดคุยทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ เซาธ์ พาร์ก โดยอาจมีเล่นมุกควายมั่งไม่ควายมั่งเสริม
ถึงอย่างไรก็ตามผมหวังว่าจะได้พูดคุยกับเพื่อนๆแฟนการ์ตูนด้วยกันตลอดนะครับ บาย